มองชีวิต ผ่านญี่ปุ่น VII
ฟังเสียงธรรมชาติ
วันนี้อากาศดี
มีแสงแดดสวยงามยามเช้าให้ได้เห็น อยู่ที่นี่ได้มีเวลาชมธรรมชาติอย่างเต็มที่
เห็นถึงความสวยงามของดอกไม้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง มันมีการผลิบานมากขึ้น
ดอกใหญ่ขึ้น สวยงามมากขึ้น มีเวลามากจนขนาดมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของดอกไม้
รู้แม้กระทั่งว่ามันบานมากขึ้นกว่าเมื่อวาน
มันเป็นความรู้สึกที่สวยงามแบบอธิบายไม่ถูกว่าเป็นอย่างไร มันอิ่มเอมมาก
บางทีความรู้สึกคนเรามันก็ซับซ้อนนะ บางทีบอกว่าชอบ บอกว่าดี
แต่ลึกๆแล้วมันมีอะไรมากมายกว่านั้นที่บอกมาเป็นคำพูดไม่ได้ การที่บอกว่าดี มีความสุขในแต่ละครั้ง ความรู้สึกมันก็ไม่เหมือนกันนะ
มันขึ้นกับสถานที่ เวลา บุคคล ต่างๆนาๆรอบตัวเราด้วย คนเรานี่แปลกนะ
บางทีบอกว่ารู้สึกดีทั้งๆที่ลึกๆแล้วอาจรู้สึกแย่มากๆก็ได้ แต่ช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ทุกอย่างที่รู้สึก
มันเป็นความจริง เป็นสิ่งที่รู้สึกตามที่เห็น ตรงไปตรงมาเลย อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องโกหกหรือหลอกใคร
และที่สำคัญที่สุดคือไม่ต้องหลอกตัวเอง เรารู้ถึงมันด้วยความรู้สึกของตัวเอง
เป็นอะไรที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ไม่ต้องอธิบายอะไร ไม่ต้องใช้เวลาคิดให้เปลืองเวลา
และได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด
ตอนเด็กๆเราชอบเล่นเกมของญี่ปุ่นมาก (
ตอนนี้ก็ยังเล่นอยู่ นานๆครั้ง )โดยเฉพาะเกม harvest moon เป็นเกมปลูกผัก
ทำฟาร์ม เลี้ยงสัตว์ และมันก็เป็นความฝันของเด็กคนนึง ที่อยากเห็นฟาร์มแบบนั้นซักครั้ง
ตอนนี้ได้มาเห็นจริงๆ เป็นอะไรที่ประทับใจมาก เป็นเกมที่เก็บรายละเอียดดีมาก ทั้งเสียงสัตว์ร้อง
แสงในช่วงเวลาต่างๆ รวมถึงเสียงเพลงในเกมด้วย
เพราะที่นี่ตอนบ่ายๆก็มีการเสียงเพลงบรรเลงให้ฟังนะ เป็นเสียงคล้ายๆในเกมเลย
มันทำให้ช่วงที่พักจิบชาเป็นช่วงที่รู้สึกดีมาก เหมือนได้หลุดเข้าไปในเกม
บางทีเราก็อัดสียงบรรยากาศนั้นเก็บไว้นะ วันไหนจากไปแล้ว
คิดถึงบรรยากาศที่นี่จะได้เปิดเสียงที่บันทึกไว้ฟัง (
ทุกครั้งที่เปิดฟังภาพบรรยากาศของฟาร์มจะลอยเข้ามาในหัวเต็มๆเลย
และอยากกลับไปทุกครั้งที่ได้ฟัง โดยเฉพาะช่วงที่กลับมาโตเกียวใหม่ๆ
จะเปิดฟังบ่อยมาก ) สงสัยคราวนี้คงกลับไปติดเกม harvest moon อีกแล้วละสิ
คิดถึงเกม harvest moon
ลุงเล่าให้เราฟังว่าเมื่อก่อนลุงก็ทำงานอยู่ที่โตเกียว
แต่เบื่อความวุ่นวาย ก็เลยมาทำฟาร์มเล็กๆอยู่ที่นี่ (ส่วนป้า ก็คิดแบบลุงนะ
แต่ก็ยังทำงานที่โตเกียวอยู่แบบไปๆมาๆ อย่างน้อยก็ยังได้กลับมาเติมพลัง) คล้ายๆกับคนไทยเรานะที่ไม่ชอบกรุงเทพ
รู้สึกวุ่นวาย เราว่าทุกที่น่าจะเป็นเหมือนกัน คือพอเจอความวุ่นวายมากๆ
สุดท้ายแล้วมันจะอิ่มตัวและแสวงหาความสงบ ความเรียบง่าย แต่สำหรับบางคนที่จำเป็นต้องอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย
เราว่าพวกเขาก็คงรับมือกับมันได้ ปรับวิถีชีวิตให้อยู่กับมันอย่างมีความสุขได้ และเราก็ขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเหนื่อย
หรือท้อแท้กับการทำงานละกันนะ เชื่อเถอะว่า ไม่ว่ามันจะวุ่นวายแค่ไหน แต่ใจเรานิ่ง
มั่นใจในจุดยืน มั่นคงในเป้าหมาย รู้ตัวว่าเราทำเพื่ออะไร อยู่เพื่ออะไร เพื่อใคร
เพียงเท่านี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอดทนกับมันได้ เราว่าทุกคนทำได้แหละ
แม้จะท้อแท้ เบื่อหน่ายกับความวุ่นวายแค่ไหน ลองใช้วิธีเราดู
คือคิดแค่ว่ามันเป็นปัจจัยภายนอก เรารู้เป้าหมายตัวเองชัดเจน
ไม่ว่าอะไรก็ทำร้ายเราไม่ได้ ไม่ว่าอะไรก็หยุดเราไม่ได้
ต้องเดินหน้ากันต่อไปให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าไปเสียทำว่าท้อ
ให้กับปัจจัยภายนอกที่ไม่มีค่าอะไรเลย เหมือนกับความวุ่นวายในเมืองหลวง
อยากให้มองว่ามันเป็นเสน่ห์และส่วนหนึ่งของชีวิต ที่ยุ่งยาก ซับซ้อน แต่ดีงาม
และมีความหมาย
คุยกันเรื่องสนามบินช่วงที่พักจิบชากัน
ลุงบอกสนามบินนาริตะ ที่ตอนนี้เป็นสนามบินนานาชาติโตเกียวนั้น ความจริงแล้วอยู่จังหวัดชิบะ
แต่สนามบินฮาเนดะ ที่อยู่ในโตเกียวกลับเป็นสนามบินท้องถิ่น
(เมื่อก่อนก็เคยเป็นสนามบินนานาชาตินะ) มันก็เป็นอะไรที่คล้ายๆกับเมืองไทยเรานะ
ที่มีสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินนานาชาติ ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในกรุงเทพ
พอลุงได้ฟังแบบนี้แล้ว ก็หัวเราะใหญ่เลย อะไรๆที่เรารู้บางทีมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดนะ
แต่ถ้ามันไม่ใช่ใจความสำคัญอะไรมากมาย ก็ปล่อยผ่านมันไปเถอะ
ชีวิตเรามันยืดหยุ่นได้ (แต่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงนะ)
ที่แหละเสน่ห์ของมนุษย์เราแหละ ทำอะไรแปลกๆได้
แต่ก็เข้าใจและอยู่กับสิ่งแปลกๆที่ไม่ตรงไปตรงมาเหล่านั้นได้เช่นกัน
ลุงแนะนำให้ไปวิ่งรอบๆพระราชวังอิมพีเรียล
ที่โตเกียวด้วยแหละ คนญี่ปุ่นชอบไปวิ่งกันที่นั่น แต่ไม่ค่อยเที่ยวกันนะ
ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวจะเป็นคนจีน
เราบอกลุงว่าที่ไทยเราก็เหมือนกัน นักท่องเที่ยวจีนเต็มไปหมด (ฮา)
ที่จริงลุงก็แนะนำเรื่องการเดินทางด้วยนะ เอาแผนที่มากางกันเลยทีเดียว
เข้าใจว่ามีรถไฟมากมายหลายสาย แต่ลุงจำสายหลักๆได้นะ แต่รวมๆก็จำไม่ได้หรอก
ฉะนั้นเราอย่าได้ไปกังวล คนญี่ปุ่นเขายังจำกันไม่ได้เลย แค่รู้ที่หมายที่ต้องการไป
ตรวจสอบรถไฟสายที่ไปถึง แล้วก็ไปตามนั้น แค่นี้ก็ถึงที่หมายแล้วหล่ะ
อย่าไปสนใจสายอื่นๆที่ไม่ได้ไปเลย เพราะมันเป็นส่วนที่จะทำให้งงและหลงทางได้ในที่สุด
ก็เหมือนกันกับชีวิตเรา
ถ้ามัวแต่ไปสนใจเรื่องของคนอื่นที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับชีวิตเราเท่าไหร่นั้น
สุดท้ายมันก็อาจจะเป็นสาเหตุของการหลงทางในชีวิตได้เหมือนกันนะ บางทีการที่เราไม้รู้ตัวว่าเราชอบอะไร
จนแก่ตายไปนั้น บางทีมันอาจเป็นเพราะเราสนใจความรู้สึกคนอื่นมากไป
ถ้าเราทำอย่างนั้น อย่างนี้ แล้วชาวบ้านเขาจะนินทา เขาจะว่าเราไม่ดี
ถ้าเราทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่ทำกัน เราก็จะโดนต่อต้านจากคนอื่น
จนลืมคิดถึงใจตัวเราเองว่านั่นมันเป็นสิ่งที่เราชอบ เป็นสิ่งที่เราทำแล้วมีความสุข
ตอนแรกมันอาจไม่ประสบความสำเร็จ แต่บางทีถ้าเราทำมัน ใส่ใจมัน อยู่กับมันไปเรื่อยๆ
มันก็อาจเป็นเส้นทางพาเราไปสู้ความสำเร็จได้เหมือนกันนะ
แม้ว่าอาจจะไม่ได้ดีถึงขนาดนั้น แต่เราก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำนี่นา ลบๆมันออกไปบ้างละกัน
กับทางที่มันไม่เกี่ยวกับชีวิตเรา อย่าเอามาใส่ใจนักเลย
บางทีเราอาจหาเส้นทางและเป้าหมายของชีวิตได้เร็วขึ้นก็ได้
ประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่สุดในวันนี้คือการได้ขับรถแทรกเตอร์พรวนดิน
ลุงถามว่าขับรถเป็นมั้ย ลุงจะสอนขับรถพรวนดิน เราตื่นเต้นมาก และอยากขับมาก
ลุงบอกจะสอน มันง่ายๆเหมือนขับรถเลย และมันช้าไม่อันตราย
บ่ายวันนี้เราได้ขับรถแทรกเตอร์สมใจ สนุกมาก ระบบเกียร์ต่างๆเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเลย
แต่เราทำได้ เราขับได้ ภูมิใจมาก อยู่ที่บ้านเราก็เห็นรถแทรกเตอร์มาเยอะนะ
แต่ไม่เคยมีความคิดว่าจะได้ขับมันเลย
และสุดท้ายก็ได้มาทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ทำมาก่อนในชิวิต
และมันก็ทำให้เราคิดว่า โหสามวันที่อยู่ที่นี่ ได้ทำอะไรมากมาย
การทำฟาร์มนี่มันก็ไม่ง่ายนะ มีอะไรที่ต้องรับผิดชอบเยอะเหมือนกัน
ทุกอย่างมันมีชีวิตของมัน ต้นไม้ทุกต้น สัตว์ทุกตัว แม้แต่เม็ดดินทุดเม็ด
ก็ควรค่าแก่การได้รับการดูแลและการเอาใจใส่ เพราะทุกอย่างที่ทำไปมันไม่ได้สูญเปล่า
ไม่ได้ทำเล่นๆ มันมีคุณค่าของมัน แล้ววันหนึ่งเราก็ได้ผลผลิตจากมัน
เป็นชีวิตที่หล่อเลี้ยงด้วยชีวิตอย่างครบวงจรเลยจริงๆ
แปลงผักที่เราสร้างขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
เย็นวันนี้ ป้ากับลุงมีของฝากให้เราด้วยเป็นขนมกับผ้าขนหนูผื่นเล็กที่เต็มไปด้วยภาษาญี่ปุ่น
พอเราถามถึงความหมายของตัวอักษรเหล่านั้น
ลุงกับป้าก็พยามอธิบายความหมายให้เราเข้าใจนะ ทั้งๆที่มันก็ไม่เข้าใจหรอก
แต่เราเห็นถึงความพยายามของลุงกับป้าที่พยายามจะบอกเราไง แม้จะไม่เข้าใจในความหมายที่แท้จริง
แต่อย่างน้อยผ้าขนหนูผืนเล็กผืนนี้ก็มีความหมายต่อใจเรา ในส่วนของความรู้สึกแหละ
ไม่ว่าความหมายที่แท้จริงมันจะเป็นอย่างไร แต่ความหมายที่เราได้รับ
มันก็ดีต่อใจละกัน


ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น