มองชีวิต ผ่านญี่ปุ่น II
จุดเริ่มต้น

             เวลาสายการบินต่างๆปล่อยโปรท่องเที่ยวถูกๆออกมา หลายคนคงเคยมีโมเมนต์ที่อยากจอง อยากไป แต่ทำไม่ได้ เนื่องด้วยเหตุผลต่างๆมากมาย ไม่มีเวลา ไม่มีเงิน ลางานไม่ได้ และอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้เราพลาดเที่ยวบินที่น่าสนใจเหล่านี้ไป


              วันนี้เราตัดสินใจโยนเหตุผลต่างๆเหล่านี้ทิ้งไป ปล่อยให้ปลายนิ้วได้ทำงานของมัน และทันทีที่กดจองและจ่ายเงินไปเรียบร้อยแล้ว ปลายนิ้วน้อยๆของเราก็หยุดชะงักลง ปล่อยให้สมองรับภาระอันหนักอึ้งนี้ไปเต็มๆ รู้ตัวอีกที เฮ้ย ! เราจองไปแล้ว จ่ายเงินแล้ว ต้องไปจริงๆใช่ไหม ญี่ปุ่นหรอ ไปกับใคร ไปยังไง ไปคนเดียวได้หรอ ทุกสิ่งทุกอย่างพรั่งพรูเข้ามาในหัวเต็มไปหมด เอาไงดี เอาไงดี คิดวนไปวนมาซ้ำๆ บอกกับตัวเองนิ่งไว้ เย็นไว้ เรียกสติกลับมา ค่อยๆกลับเข้ามาถามตัวเองว่าเราทำอะไรลงไป เราจะไปญี่ปุ่น ครั้งแรกคนเดียว อืมคิดไปคิดมาก็แค่ไปญี่ปุ่น ครั้งแรกคนเดียว เอาวะ ไปก็ไป ไม่น่ายากเย็นอะไร (ใครๆเขาก็ไปกัน ตามรีวิวในพันทิป) ไหนดูสิจองไปกี่วัน อืม สิบวัน โห! สิบวัน ไปนานจัง ไปทำอะไรตั้งสิบวัน เริ่มเข้าสู่โหมดความคิดอีกครั้ง แบบจริงจัง
            ถามตัวเองว่า ตอนนี้สิ่งที่อยากทำจริงๆคืออะไร ไปเที่ยวก็เป็นสิ่งที่อยากทำนะ แต่ถ้าการไปเที่ยวมันเป็นแค่การไปเที่ยวแล้วมันจะได้อะไรมากกว่าการไปเที่ยวหล่ะ จริงๆแล้วเราอยากได้อะไรกันแน่  คำถามนี้เป็นคำถามที่ให้เวลาตัวเองในการหาคำตอบแบบไม่มีกำหนดวันส่งคำตอบ ช่วงนั้นหาคำตอบตัวเองไปเรื่อยๆ ตลอดเวลา ตอนกินข้าว ตอนพักจากการทำงาน ตอนอยู่เวร หลังจากนั้นไม่นานก็ได้คำตอบ ว่าที่นิ้วน้อยๆของเราทำไปมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย มันจุดประกายให้เรากล้าออกไปเผชิญโลก
หาคำตอบให้ตัวเองได้แล้ว ว่าเราไม่ได้อยากไปเที่ยว จริงๆแล้วเราอยากไปศึกษาเรียนรู้ ทำไมมีแต่คนไปเที่ยวญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร ต่างจากบ้านเราแค่ไหน ส่วนการได้ไปเที่ยวถือว่าเป็นของแถม ถือว่าเป็นรางวัลให้กับตัวเองละกัน วันนั้นตัดสินแล้วว่าจะไปญี่ปุ่นเพื่อศึกษาวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเขา ไปดูว่าเขาอยู่ยังไง คิดยังไง ต่างจากคนบ้านเรายังไง ทำไมคนไทยชอบไปญี่ปุ่น
หลังจากได้คำตอบชัดเจนแล้วว่าจะไปญี่ปุ่นเพื่ออะไร เราก็ตัดสินใจไปอยู่กับชาวญี่ปุ่น เริ่มจากสมัครเข้าร่วมโครงการ WWOOF JAPAN โครงการนี้เป็นโครงการที่ให้เราไปช่วยงานเขา ซึ่งมีหลายประเภทให้เลือก เช่น ช่วยเลี้ยงเด็ก ช่วยสอนภาษา ช่วยทำฟาร์ม ช่วยงาน hostel แลกกับการที่เราได้อยู่ฟรี กินฟรี (ตอนนั้นคิดว่าอาจจะคุ้มนะ ได้เรียนรู้ ไม่เสียเงินด้วย ไม่เสียเงิน ไม่เสียเงินแล้วมันก็คุ้มจริงๆ สิ่งที่ได้รับกลับมามันมากมายเกินกว่าจะมาคิดต้นทุนที่เสียไปเลยหละ) เราเลือกติดต่อ host ที่เป็นครอบครัวเล็กๆที่ให้เราอาศัยอยู่กับเขา ทำกิจกรรมร่วมกับเขาในบ้าน โดยเลือก host ที่อยู่แถวๆโตเกียว เราเลือกจังหวัด Chiba เดินทางไม่ไกลมาก จากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนแรกยอมรับว่ายากเหมือนกันเพราะ host ส่วนใหญ่ต้องการ wwoofer ที่อยู่เป็นสัปดาห์ขึ้นไป บางที่ต้องอยู่เป็นเดือน และมีข้อจำกัดด้านภาษา อาหาร และอื่นๆอีกมากมาย เราต้องเข้าไปดูรายระเอียดดีๆ เลือก host ที่เหมาะกับตัวเอง นอกจากนี้ยังต้องให้เวลา host ตอบกลับเราด้วยเพราะ host บางคนเขาไม่ได้อ่านเมลล์ทุกวัน บางคนอาจจะตอบช้าหน่อย เราก็รอไปเรื่อยๆ และหลังจากที่ได้ host แล้วก็ดีใจ ชิวๆไปอีกซักเดือนนึง (จองตั๋วก่อนไปประมาณ 5 เดือนยังมีเวลาวางแผน) อย่างน้อยก็จัดการตัวเองมาได้ครึ่งทางแล้ว ค่อยเป็นค่อยไปละกัน





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้