First time in JAPAN >> WWoofer in farm III (END)
และแล้ววันสุดท้ายของการมาเป็น woofer ก็มาถึง แม้จะเป็นเวลาแค่ไม่กี่วัน แต่มันก็รู้สึกใจหายที่ต้องจากฟาร์มแห่งนี้ไป ที่นี่ไม่ได้ให้แค่ที่พักที่อาศัย แต่มันทำให้เราได้เรียนรู้ ได้ศึกษาและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ได้ใช้ชีวิตอยู่แบบการมีชีวิตที่มีความหมายจริงๆ และการต้อนรับอย่างดีของผู้คนที่นี่ก็ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นมาก จนอยากจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง ลุงกับป้าก็ช่างใจดีเหลือเกิน ดูแลเราเหมือนลูกหลานคนนึง มีของที่ระลึกมอบให้ด้วย เป็นผ้าขนหนูผืนเล็กๆลวดลายน่ารัก กับขนมญี่ปุ่นถุงนึง (เป็นมันฝรั่งเคลือบซ๊อส) ดีใจมาก และสัญญาว่าจะใช้มันอย่างดี
สุดท้ายก็ถึงเวลาที่ต้องขอบคุณ และลาจากฟาร์มแห่งนี้ไป ก่อนออกไปก็ได้ทิ้งจดหมายขอบคุณที่ดูแลกันมาอย่างดีไว้ด้วย ตอนแรกลุงนึกว่าเราลืม แต่พอบอกว่าเป็นจดหมายขอบคุณให้ลุงกับป้าอ่าน เขาก็ดีใจนะ (มั้ง) จากนี้ไปคงคิดถึงที่นี่มาก คิดถึงทุกคน รวมถึงน้องหมาและน้องแมวด้วย (พึ่งได้ข่าววันนี้ว่าน้องหมา >> เจ้าโกโก้ที่พาไปเดินเล่นบ่อยๆ นั้นได้จากไปแล้ว ก็เสียใจนะ แต่ก็คงถึงเวลาของมันแล้วแหละ เพราะมันก็แก่มากแล้วคงถึงเวลาที่ต้องพักผ่อนยาวๆซักที)
ก่อนกลับทิ้งจดหมายขอบคุณคุณลุงกับป้าที่ดูแลเราอย่างดีไว้ด้วย (ต้องซ่อนไว้ในห้องนอนด้วยนะ กลัวน้องแมวมาจัดการเสียก่อน) แถมมาม่าของไทยให้เขาได้ชิมด้วย 555 ก็ไม่รู้จะให้อะไรนี่นา
มาดูความทรงจำดีๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่ดีกว่า ว่าคิดถึงมากมายขนาดไหน
คิดถึงใบโคลเวอร์ที่หน้าบ้าน host ตอนเช้าๆ นี่ชอบมาหาใบโคลเวอร์สี่แฉก แต่ก็ไม่เจอ (เป็นความฝันแต่เด็กว่าถ้าได้ไปญี่ปุ่น จะไปหาใบที่มีสี่แฉกเหมือนในการ์ตูน เพราะเขาว่าจะโชคดี) แม้จะไม่เจอแต่ก็รู้สึกว่าชีวิตนี้โชคดีมาก ที่ได้ host ดีๆแบบนี้
คิดถึงน้องเต่าแก้มแดงที่หน้าบ้าน ที่ต้องทักทายกันทุกเช้าก่อนออกไปทำฟาร์ม
คิดถึงร่มที่คอยกันไม่ให้เปียกตอนฝนตก
คิดถึงโกโก้จัง แม้ตอนนี้นางจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็คิดถึงเวลาที่พานางไปออกกำลังกาย ทำให้เราเจอเพื่อนบ้านที่แสนดี และได้สูดอากาศดีๆรอบๆฟาร์ม
คิดถึงผลผลิตจากฟาร์มที่ทำให้เรามีอาหารดีๆกินทุกมื้อ มีประโยชน์ และสดใหม่ >>ปลูกเองกินเองมันดีอย่างนี้นี่เอง
คิดถึง Tea time ที่ทำให้เราได้จิบชา พร้อมกับแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับลุง ท่ามกลางอากาศหนาวๆ บรรยากาศดีๆ กับเพลงบรรเลงจากเสียงตามสายช่วงบ่าย ช่างเป็นอะไรที่ slow life ดีเหลือเกิน
อันนี้ไม่ได้คิดถึงตู้จดหมายนะ แต่คิดถึงบุรุษไปรษณีย์ที่มักมาส่งจดหมายช่วงบ่ายๆ พร้อมกับทักทายด้วยคำว่า โคนิจิวะ " ด้วยเสียงใสๆและใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสนั้น ทำให้คิดถึงเสียงและบรรยากาศแบบนั้นสุดๆ
คิดถึงบ้านน้องไก่ ที่คอยไปให้อาหารทุกเช้า
คิดถึงช่วงเวลาที่นั่งดูทีวีกับเหล่านั้งแมวทั้งหลาย
สุดท้ายก็คิดถึงทุกอย่างที่ได้รับจากฟาร์มแห่งนี้มาก ลุงเคยถามว่าทำไมเลือกมา woof ที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นคืออยากมาตามซีรีย์อย่างเดียวเลยนะ แต่ที่จริงก็อยากมาเที่ยวด้วยแหละ แต่มาทั้งทีอยากให้ได้กลับไปมากว่าการเที่ยว ประหยัดดีด้วย และก็เลือกไม่ผิดเลยที่เลือกมาช่วยงานที่นี่ ได้อะไรกลับไปมากกว่าที่คิด ยังคุยกับลุงเลยว่า อยากให้คนอื่นๆได้มาเจอะเจอประสบการณ์อะไรแบบนี้บ้าง มันเปิดโลกเลยนะ ยิ่งมาคนเดียวด้วยแล้ว ยิ่งได้แบบเต็มๆเลย ทุกความคิด ทุกความรู้สึก รับมาแบบจัดเต็ม อัดเข้ามากลางใจแบบไม่ยั้ง ทุกอณูของความรู้สึกมันมีความหมายมาก และยิ่งเวลาอยู่คนเดียวเงียบๆ ยิ่งได้คิดอะไรเพลินๆ คิดทบทวนสิ่งต่างๆที่ได้ทำนั้น มันยิ่งทำให้เห็นคุณค่าของชีวิตมากขึ้น ^^
มาดูข่าวคราวที่เกิดขึ้นช่วงนั้นกันบ้าง
แถมการ์ตูน kimi no nawa ด้วย 555 ที่จริงไม่เกี่ยวแต่เรื่องนี้เข้าฉายช่วงที่กำลัง woof พอดี ตอนนั้นได้ดูคร่าวๆ แล้วอารมณ์ มันได้จริงๆ ดูการ์ตูนญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่นนี่มันช่าง ซู้ดดดด ยอดดดด
| http://www.manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9590000115675 |
ช่วงนั้นมีข่าวระหว่าง อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เดินทางไปพบกับ ลุงทรัมป์ ประธานาธิบดีอเมริกาทุกวันเลย เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงเลือกประธานาธิบดี และลุงทรัมป์ก็ได้ตำแหน่งนั้นไปครอง ลุงอาเบะ จึงต้องรีบเข้าเจรจาเลยทีเดียว
![]() |
www.theguardian.com
|
ข่าวถนนยุบตัวลงที่จังหวัด ฟุกุโอกะก็มาแรงเหมือนกัน แต่ที่ทำเอาคนไทยอย่างเราอึ้ง ทึ่ง เสียว (เฮ้ยอันหลังนี่ไม่น่าใช่มั้ง) ไปตามๆกันคือ คนญี่ปุ่นซ่อมเพียงไม่กี่วันเท่านั้น จากนั้นก็กลับมาใช้ถนนได้ตามปกติโอ้ อะเมซิ่ง จิงเกอเบล มากกก
![]() |
| http://hilight.kapook.com/view/145069 |
ตอนนั้นข่าว supermoon ที่ไทยเราก็ฮือฮาไม่แพ้กัน ผู้คนต่างออกมาถ่ายรูปกันสวยงาม มีทั้งรูปที่คนอื่นถ่าย และเราถ่ายเปรียบเทียบกันแบบฮาๆ ขำๆ อยู่ที่ญี่ปุ่นอยากดูมาก แต่ที่นี่ท้องฟ้าไม่เปิด ไม่เห็นซักคืน เลยเอารูป supermoon ที่คนไทยเราถ่ายไว้ให้ชาวญี่ปุ่นดูซะเลย พวกเขาก็ว่าสวยดีนะ เสียดายที่ฟาร์มมองไม่เห็น
แม้จะไม่อยากจากที่นี่ไปแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไป กลับไปทำงาน กลับไปทำหน้าที่ของเรา เก็บเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นที่นี่ไว้ พอตื่นจากความฝัน ก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตของเรา บางทีเราเลือกที่จะทำบางอย่างยังไม่ได้ แต่ก็เลือกที่จะทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้ดีได้ ยอมรับชีวิตที่เป็นอยู่ให้ได้ เดินหน้าต่อไป มีความสุขกับมัน สั่งสมประสบการณ์ชีวิตไปเรื่อยๆ เพื่อใช้รับมือกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิต แม้ว่าบางเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเลวร้ายแค่ไหน แต่อย่างน้อยประสบการณ์ที่เราได้เจอนั้น จะช่วยให้เราตัดสินใจและแก้ไขปัญหาเหล่านั้นให้ดีขึ้นได้ คิดว่าคงมีส่วนช่วยได้...














ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น